แสนอาลัยสุดซึ้ง😭 ตำนานลาสาวแม่กลอง จากพวกเราไปแล้ว

สุด อาลัย ยิ่ง พนม นพพร เสีย ชีวิต แล้ว ขอ แสดง ความ เสีย ใจ และ ร่วม ไว้ อาลัย ต่อ การ จาก ไป ของ คุณ อาพนม นพพร นัก ร้อง ลูก ทุ่ง ชื่อ ดัง เจ้า ของ เสียง ร้อง ใน เพลง ลา สาว แม่กลอง ฮัก สาว ขอนแก่น นัก ร้อง พเนจร เซิ้ง สวิง เป็น ต้น นอก จาก นี้ ท่าน ยัง เป็น เจ้า ของ ค่าย เพลง นพพร ซิลเวอร์โกลด์ และ เป็น อดีต นายก สมาคม นัก เพลง ลูก ทุ่ง แห่ง ประเทศ ไทย พนม นพพร ได้ เสีย ชีวิต อย่าง สงบ ที่ บ้าน พัก เมื่อ เช้า มืด ของ วัน นี้ คือ วัน ที่ 13 กรกฎาคม ปี 2566 ท่าน จาก ไป ใน วัย 77 ปี บรม นพพร มี ชื่อ จริง ว่า ชาตรี จินวุฒิ เนื่อง จาก ชาตรี มี ผิว ดำ

กว่า พี่ น้อง พ่อ แม่ จึง เรียก ชื่อ เล่น ๆ ว่า โอ ซึ่ง เป็น ภาษา จีน เขา จึง มี ชื่อ เล่น ว่า โอ คือ สะกด ด้วย สระ โอ อ อ่าง ว วแหวน เขา เกิด วัน จันทร์ ที่ 27 พฤษภาคม ปี 2489 ที่ ตำบล หนองตำลึง อำเภอ พานทอง จังหวัด ชลบุรี เป็น บุตร คน ที่ 3 ของ นาย เจริญ จาก ชินวุฒิ โดย มี พี่ น้อง 4 คน พ่อ แม่ ทำ ไร่ อ้อย และ ค้า ขาย ของ ชำ เป็น ครอบครัว ที่ มี พ่อ มี เชื้อ สาย คน จีน แม่ เป็น คน ไทย ซึ่ง ฐานะ ไม่ ค่อย ดี นัก เด็ก ชาย โอ มี นิสัย แตก ต่าง จาก พี่ น้อง คน อื่น ตรง ที่ ชื่น ชอบ เสียง เพลง และ การ แสดง มาก กว่า ใคร ใน

บ้าน เขา เคย ให้ สัมภาษณ์ ว่า ผม จำ ได้ ว่า เกิด มา ก็ ชอบ ฟัง เพลง จาก วิทยุ เลย ใน ยุค นั้น มี นัก ร้อง ที่ มี ชื่อ เสียง เป็น ต้น แบบ อย่าง ไพรวัลย์ ลูกเพชร ที่ เพิ่ง จะ มา เป็น นัก ร้อง ใหม่ ๆมี คำรณ สัมบุณณานนท์ สมยศ ทัศนพันธ์ ทูล ทองใจ สุรพล สมบัติเจริญ สุเทพ วงศ์กำแหง เป็น ต้น คือ สมัย นั้น ยัง ไม่ ได้ แยก ลูก ทุ่ง กับ ลูก กรุง ก็ ฟัง รวม ๆ กัน ไม่ ได้ แบ่ง ประเภท เพียง แต่ ต่อ มา ช่วง หลัง คน ฟัง เขา แยก ประเภท ขึ้น มา เอง ใน วัย เด็กก็ มี ไป ชก มวย บ้าง ไป เป็น เด็ก เชียร์ รำ วง บ้าง เอา ความ สนุก เฮฮา ไป เรื่อย

ตาม ประสา วัย รุ่น เด็ก ชาย โอ เริ่ม เรียน หนังสือ ที่ โรง เรียนวัด หนองตำลึง มี นิสัย ไม่ ชอบ ค้า ขาย เหมือน พ่อ แม่ แต่ ชอบ ร้อง รำ ทำ เพลง ตก กลาง คืน จะ ไป ร้อง เพลง เชียร์ รำ วง คณะ ดารา น้อย ซึ่ง เป็น คณะ รำ วง ที่ ดัง มาก ใน ตอน นั้น ได้ ข้า ร้อง คืน ละ 10 บาท นอก จาก นั้น ยัง ไป ร้อง เพลง ให้ กับ คณะ ลิเก คณะ จำลอง นาขะสิน ได้ คืน เช่น กัน โดย ร้อง ก่อน ลิเก แสดง 3 เพลง และ ตอน พัก ครึ่ง อีก 2 เพลง จบ หลัก สูตร โรง เรียน วัด ไป ต่อ ชั้น มัธยม ปี ที่ 1 ที่ โรง เรียน กล่อม ปฐมวัย ใน ตัว เมือง ชลบุรี ความ ที่

ไม่ อยาก ขอ เงิน พ่อ แม่ เลย ทำ งาน ไป ด้วย เวลา ว่าง ก็ ไป เป็น กระเป๋า รถ เมล์ เขา ทำ งาน มาก จน สอบ ไม่ ผ่าน ต่อ มา ได้ สมัคร เรียน ต่อ ที่ โรง เรียน พัฒนศิลป์ ชลบุรี เริ่ม ฝึก ชก มวย เป็น นัก มวย สมัคร เล่น ใช้ ชื่อ ว่า ดวง ใจ น้ำ ตา ชล พนม นพพร เล่า ถึง ชีวิต ย้อน หลัง ไป ใน วัย หนุ่ม ว่า พอ อายุ 18 ปี มี อยู่ วัน นึง ผม ได้ ยิน วิทยุ ประกาศ รับ สมัคร นัก ร้อง ประกวด จาก กรุงเทพฯ แต่ ผม อยู่ ชลบุรี ก็ คิด ว่า จะ ทำ ยัง ไงดี ก็ ไป ถาม เพื่อน ว่า ไป กรุงเทพฯ ถูก หรือ เปล่าเพื่อน บอก ว่า ไป ถูก ก็ เลย เดิน ทาง ร่วม

กัน เข้า กรุงเทพฯ ไป สมัคร ประกวด ร้อง เพลง กับ วง เทียนชัย สมญา ประเสริฐ ซึ่ง มี คน มา สมัคร กว่า 300 คน หนุ่ม โอ ใช้ เพลง ลม หนาว ของ พนมไพร ลูก เพชร ใน การ ประกวด ร้อง เพลง ร้อง เสร็จ กรรมการ ก็ ให้ กลับ บ้าน ที่ ต่าง จังหวัด ก่อน แล้ว บอก ว่าภาย ใน เวลา 1 สัปดาห์ จะ โทร แจ้ง ว่า ใคร จะ ได้ เป็น นัก ร้อง พอ ครบ 1 สัปดาห์ วง ดนตรี เทียนชัย สมญา ประเสริฐ โทร มา บอก นาย ชินวุฒิ ว่า เขา ได้ ที่ 1 จาก ผู้ เข้า ประกวด 300 คน เขา ดี ใจ มาก ถึง กับ นอน ไม่ หลับ แทบ ไม่ เชื่อ ว่า ตัว เองจะ ได้ เป็น นัก ร้อง ช่วง นั้น เขา เรียน จบ แล้ว จึง เก็บ เสื้อ ผ้า

เข้า กรุงเทพฯ โดย มา อยู่ ที่ บ้าน ของ เทียนชัย สวน ยาง ประเสริฐ เพื่อ ฝึก ร้อง เพลง และ ร่วม วง ดนตรี ซึ่ง ที่ นี่ เอง เขา ได้ บันทึก แผ่น เสียง เพลง แรก ชื่อ เพลง ว่า ลม ร้อน ซึ่ง เป็น ผล งาน การ ประพันธ์ ของ อรุณ รุ่งรัตน์ โดย ใช้ ชื่อ นัก ร้องว่า พนาวัน ลูก เมือง ชล เพลง นี้ ก็ ทำ ให้ เขา เป็น ที่ รู้ จักพอ สม ควร แต่ เขา อยู่ วง เทียนชัย ได้ ไม่ นาน ก็ ออก มา พอ พนม นพพร เล่า ถึง เหตุ การณ์ ช่วง นี้ ว่า แต่ พอ ได้ ทำ งาน จริง ๆ แล้ว หลาย ๆ อย่าง มัน ไม่ เหมือน ที่ คิด ไว้ จึง หนี ไป บวช เณร ระหว่าง นั้น ก็ คิด ว่า จะ เอา ยัง

ไงดี กับ ชีวิต โชค ดี ตรง ที่ ตอน นั้น ผม เรียน จบ ม. 6 แล้ว ออก มา จาก บ้าน ถ้า จะ กลับ ไป ก็ อาย พอ สึก ออก มา ก็ ไป อาศัย อยู่ กับ น้า ที่ สาม แยก ไฟ ฉาย ดำรง ชีพ โดย การ ไป ร้อง เพลง ตาม วง เล็ก ๆคืน ละ 30-40 บาททำ งาน อยู่ ได้ สัก พัก ก็ โชค ดี ที่ มี พี่ สาว เพื่อน ทำ งาน เป็น แม่ บ้าน อยู่ กับ วง จุรัฐ ของ ครู มงคล อมตยกุล ก็ เลย เป็น ช่อง ทาง แนะ นำ ให้ รู้ จัก กับ วง จึง ชวน กัน มา สมัคร ที่ วง ดนตรี จุฬารัตน์ ซึ่ง ผม พึ่ง ศึก จาก การ บวช เณร หัว ยัง ล้น อยู่ เลย ตอน ที่ เข้า ไป หา ครู มงคล ท่าน นั่ง อยู่ ใน ห้อง ด้วย บุคลิก

เคร่ง ขรึม ผม ก็ คิด ไป เอง ว่า ท่าน คง จะ ดุ มาก พอ เข้า ไป สวัสดี ท่าน แล้ว ขอ สมัคร เป็น นัก ร้อง ท่าน ต่อ ว่า เฮ้ย ยัง ไม่ รับ นัก ร้อง เต็ม ตอน นี้ ใน วง มี ชาย เมือง สิงห์ สังข์ ทอง สีใส และ คน อื่น ๆ อีก ผม ก็ ขอ ร้อง ว่า ครู ครับ ผม ไม่ มีที่ กิน ข้าว แล้ว รับ ผม ไว้ เถอะ ท่าน ก็ ให้ ผม ลอง ร้อง เพลง อยู่ หลาย เพลง พอ ร้อง จบ ท่าน ก็ ให้ ผม ทำ งาน ใน วง ได้ แต่ อยู่ ใน ตำแหน่ง แบก กลอง แบก เครื่อง ดนตรี แล้ว ท่าน บอก ว่า วัน นี้ จะ ออก เล่น ดนตรี เดิน สาย ที่ อีสาน นะ ผม เลย ต้อง รีบ กลับ มา ที่ พัก เก็บ ของ ที่ จำเป็น เพื่อ ไป กับ

วง ดนตรี ตอน นั้น เลย วง ดนตรี จุฬารัตน์ ออก เดิน สาย แสดง ได้ ประมาณ 1 เดือน นัก ร้อง ใน วง ก็ เริ่ม ป่วย จาก การ เดิน ทาง เพราะ พัก ผ่อน ไม่ เพียงพอ ตรง นี้ เอง เป็น โอกาส ให้ หนุ่ม โอ ได้ ขึ้น ร้อง เพลง เปิด วง เป็น คน แรก โดย ขอ ร้อง เพลง อนิจจา ของ โฆษิต นพคุณ ปรากฏ ว่า การ ขึ้น ร้อง เพลง ครั้ง แรก นี้ เป็น ที่ ชื่น ชอบ ชื่น ชม จาก แฟน เพลง หน้า เวที มาก มาย คน ใน วง เอง ก็ ยก นิ้ว ให้ แต่ ชีวิต ของ เขา หลัง จาก นั้น ก็ ยัง เหมือน เดิม ไม่ มี อะไร เปลี่ยน แปลง เมื่อ ลง จาก เวที ก็ ยัง ต้อง ไป ทำ งาน แบก ของ ต่อ ไป แต่

ว่า เขา ก็ ยัง ได้ ร้อง เพลง เปิด วง งาน และ เพลง ตลอด มา พนม นพพร เล่า ว่า การ เดิน สาย วง ดนตรี สมัย ก่อน เดือน เมษายน ก็ เริ่ม ออก เดิน ทาง เตรียม ตัว กัน แล้ว เพื่อ เป็น เล่น ใน วัน สงกรานต์ คือ เดิน สาย วน ไป ทั่ว ทุก ภาค ของ ประเทศ ไป แสดง ตั้ง แต่ โรง หนัง เล็ก ๆหรือ ตาม งาน ที่ เขา จ้าง ไม่ ต้อง ใหญ่ มาก คือ ต้อง ไป ให้ ทั่ว ไป ไป ให้ หมดไม่ อย่าง นั้นอด ตาย ตั้ง แต่ ผม อยู่ วง ดนตรี มา มี อยู่ จังหวัด เดียว ที่ ผม ไม่ ได้ ไป คือ จังหวัด แม่ฮ่องสอน เพราะ มี ภู เขา สูงชัน ซึ่ง วง ดนตรี ไป ไม่ ถึง ใน ช่วง ที่

พัก วง ไม่ มี งาน แสดง เดิน สาย ใน ต่าง จังหวัด ก็ มี ช่วง ระยะ เวลา สั้น ๆ เมื่อ กลับ มา กรุงเทพฯ วัน หนึ่ง ครู มงคล อมาตยกุล ได้ พา นัก ร้อง ดัง ๆ ใน วง ไป อัด แผ่น เสียง หนุ่ม โอ ก็ ตาม ไป คอย ดู แล ดู การ บันทึก เสียง ด้วย ปรากฏ ว่า วัน นั้น เรา ตี 3 ก็ อัด เพลง เสร็จ แล้ว คือ ว่า เป็น การ อัด ที่ เร็ว มาก ครู มงคล อำมาตยกุล เห็น ว่า ยัง พอ มี เวลา เหนือ จึง เรียก หนุ่ม โอ มา ลอง ซ้อม เพลง ดู เขา จึง ได้ โอกาส นำ เพลง ที่ สรวง สันติ แต่ง มา ให้ ซึ่ง มี ชื่อ เพลง ว่า สุขี เถิด ที่ รัก เอา มา เสนอ กับ ครู มงคล ปรากฏ ว่า ซ้อม ไป ซ้อม มา ครู

เกิด ชอบ จึง เขียน โน้ต ให้ นัก ดนตรี และ บันทึก เสียง กัน ใน ตอน นั้น เลย เมื่อ ปล่อย เพลง สุขี เถิด ที่ รัก ออก มา ก็ ได้ สร้าง ชื่อ ให้ กับ พนม นพพร พอ สม ควร ชื่อ พนม นพพร เป็น ชื่อ ที่ ครู มงคล ตั้ง ให้ เขา ใหม่ และ ใช้ กับ การ บันทึก เสียง เพลง สุขี เธอ ที่ รัก นี้ เป็น ครั้ง แรก จาก นั้น เมื่อ พนม นพพร มี อายุ ประมาณ 20 ปี ก็ มี โอกาส บันทึก เสียง อีก 2 เพลง เพลง แรก ชื่อ เพลง ว่า อัด อั้น ตัน ใจ ซึ่ง เป็น ผล งาน การ แต่ง ของ กนก เขต การ ซึ่ง ต่อ มา ก็ คือครู รบ บุรีรัตน์ นั่น เอง ส่วน อีก เพลง พนม นพพร บอก

ว่า เขา ไม่ ค่อย ชอบ เพราะ ไม่ ใช่ แนว ของ เขา แต่ ครู มงคล แนะ นำ ว่า ยิ่ง ไม่ ชอบ ยิ่ง ต้อง ใช้ ความ พยายาม เพลง นี้ ก็ คือ เพลง ที่ มี ชื่อ ว่า ลา สาว แม่กลอง ที่ แต่ง โดย เกษียณ สุวรรณเมธานะ ปรากฏ ว่า เพลง ที่ เขา จำ ใจ ร้อง เพราะ คิด ว่า ไม่ ใช่ สไตล์ ของ เขา นี่ เอง ที่ กลาย เป็น เพลง สร้าง ชื่อ ให้ พนม นพพร ขึ้น มา อยู่ ใน ชั้น แถว หน้า ของ วง การ เพลง ลูก ทุ่ง ไทย เพลง ลา สาว แม่กลอง ทำ ให้ เขา แจ้ง เกิด อย่าง เต็ม ตัว อย่าง ไร ก็ ตาม แม้ ชื่อ เสียง จะ ดัง ก้อง ฟ้า แล้ว แต่ สภาพ ความ เป็น อยู่ ของ เขา

เวลา นั้น ก็ ยัง ไม่ พ้น ต้อง แบก กลอง พนม นพพร เผย ว่า สมัย ก่อน คน รับ สื่อ มา จาก วิทยุ เป็น ส่วน ใหญ่ โทรทัศน์ ก็ ยัง ไม่ ค่อย ได้ รับ ความ นิยม เพราะ มัน มี น้อย และ แพง พอ เพลง ลา สาว แม่กลอง ดัง ขึ้น มา คน ก็ ฟัง กัน แทบ ทุก บ้าน เรียก ว่า ผม มี ชื่อ เสียง มาก ใน ช่วง เวลา นั้น แต่ ชีวิต ก็ ไม่ ได้ เปลี่ยน แปลง อะไร ผม ก็ ยัง อยู่ กับ วง ดนตรี และ ก็ ไป แบบ ของ เหมือน เดิม แม้ แต่ นัก ร้อง ดัง ยัง ชาย เมือง สิงห์ ก็ ต้อง ลง มา ช่วย หลัง เวที คือ วง ดนตรี จุฬารัตน์ จะ เป็น แบบ นี้ ไม่ ว่า ดัง แค่ ไหน ก็ ยัง ช่วย เหลือ

กัน เหมือน เดิม พนม นพพร อยู่ กับ วง จุฬารัตน์ มา นาน หลาย ปี จน ความ นิยม ของ วง ค่อย ๆ ลด ลง ไป และ ครู มงคล อมาตยกุล ซึ่ง มี อายุ มาก แล้ว จึง ตัด สิน ใจ ยุบ วง พนม นพพร เลย มา ตั้ง วง ดนตรี ของ ตัว เองโดย ใช้ ชื่อ ว่า วง พนม นพพร และ เดิน สาย อยู่ ช่วง เวลา หนึ่ง ระหว่าง นี้ เอง เมื่อ นี่ คือ เสียง เริ่ม น้อย ลง เพราะ มี นัก ร้อง หน้า ใหม่ เกิด ขึ้น เยอะ เพื่อน อย่าง ชินกร ไกรลาศ ซึ่ง เข้า สู่ วง การ ภาพยนตร์ ก่อน ได้ ชวน พนม นพพร เข้า วง การ ภาพยนตร์ โดย ฝาก ให้ อยู่ กับ คุณ อนิรุทธิ์ นุช ไพโรจน์ ซึ่ง เป็น ผู้ กำกับ

หนัง ช่วง แรก เขา จึง ได้ เป็น ตัว ประกอบ ประเภท วิ่ง ผ่าน หน้า ฉาก ซึ่ง เขา ก็ ร่วม แสดง อยู่ หลาย เรื่อง จน ต่อ มา พอ มี บท บาท บ้าง ใน ภาพยนตร์ เรื่อง ลม รัก ทะเล ใต้ จาก นั้น ก็ ได้ เล่น บท ดี ๆ อีก เรื่อย ๆ ใน ภาพยนตร์ หลาย เรื่อง ขณะ เดียว กัน เมื่อ ภาพยนตร์ ดัง เพลง ที่ เขา ร้อง ประกอบ ภาพยนตร์ ก็ ดัง ตาม ไป ด้วย เขา เผย ว่า เหตุ ผล ที่ ผม เป็น นัก ร้อง แล้ว สามารถ แสดง หนัง ได้ เลย ก็ เพราะ สมัย เด็ก ๆผม ชอบ ทุก อย่าง ที่ เกี่ยว กับ วง การ บันเทิง ก็ ฝึก ฝน เอง จาก การ ไป ดู หนัง กลาง แปลง โดย มี ต้น แบบ การ แสดง

จาก ซอ อาสนะจินดา อยู่ บ้าน นอก ผม ก็ ซ้อม บท เล่น กับ เพื่อน ๆ อยู่ บ่อย ครั้ง จน วัน หนึ่ง ผม ก็ มา ยืน อยู่ ตรง จุด นี้ จริง ๆ วง ดนตรี พนม นพพร ออก เดิน สาย แสดง พร้อม กับ รับ งาน ด้าน การ แสดง ไป ด้วย เดิน สาย อยู่ 5-6 ปี ก็ ยุบ วง เมื่อ แสดง หนัง อยู่ หลาย เรื่อง มัน ทำ ให้ มี ประสบการณ์ ใน วง การ ภาพยนตร์ มาก พอ สม ควร เขา จึง ตัด สิน ใจ ลอง สร้าง ภาพยนตร์ ดู บ้าง โดย เขียน บท และ กำกับ เอง หนัง เรื่อง แรก ที่ เขา ทำ ออก มา คือ เรื่อง คม นักเลง เป็น ภาพยนตร์ แนว บู๊ มี สมบัติ เมทะนี และ อรัญญา นามวงศ์ นำ แสดง

แต่ เรื่อง นี้ ไม่ ประสบ ความ สำเร็จ เท่า ที่ ควร เพราะ เมื่อ สร้าง หนัง เสร็จ ภาพยนตร์ บู๊ เขา ตก ยุค ไป แล้ว พนม นพพร จึง ล้ม เหลว ใน การ สร้าง หนัง แต่ เขา ก็ ไม่ ย่อ ท้อ ยัง ไม่ ยอม แพ้ ยัง เดิน หน้า สร้าง หนัง ต่อ ใน เรื่อง ที่ 2 ชื่อ เรื่อง ว่า คุณ พ่อ ขอ โทษ โดย มี ไพโรจน์ สังวริบุตร และ ละนา สุราวัณ นำ แสดง ปรากฏ ว่า เรื่อง นี้ ผล ตอบ รับ ก็ ยัง ชั่ว ขึ้น มา หน่อย แต่ ถึง แม้ จะ ไม่ ล้ม เหลว ก็ ไม่ ถึง ขั้น ที่ จะ ใช้ คำ ว่า สำเร็จ ได้ อย่าง เต็ม ปาก มา ถึง เรื่อง ที่ 3 คือ เรื่อง จับ กัง ที่ มี สรพงษ์

ชาตรี นำ แสดง พนม นพพร ประสบ ความ สำเร็จ อย่าง ล้น หลาม แต่ ถ้า เงิน ได้ ทั้ง กล่อง สม ดัง ที่ เขา ตั้ง ใจ เป็น หนัง ที่ ดัง มาก ใน ยุค นั้น พนม นพพร เผย ว่า ก่อน ที่ จะ สร้าง หนัง ผม ต้อง ไป ดู โลเคชั่น จริง ก่อน เสมอ โดย เอา โครง เรื่อง คน อีสาน ที่ เข้า มา เป็น จับ กัง ใน เมือง หนัง เรื่อง นี้ ผม เอา สรพงษ์ ชาตรี มา เล่น บท คน แบก ข้าว สาร ซึ่ง เป็น พระ เอก ไป อยู่ ใน บ้าน ของ เถ้าแก่ โรง สี ก็ ได้ ไป เจอ นาง เอก ที่ นั่น แล้ว ก็ เกิด เรื่อง ราว ต่อ สู้ กัน ใน เรื่อง มี ฉาก ใหญ่ ไป ถ่าย ที่ ท่า เรือ เยอะ เรื่อง นี้ ผม

เขียน บท ขึ้น มา เอง กำกับ เอง อะไร ไม่ ดี เรา ก็ แก้ ไข ค่อย ๆ ทำ ไป มัน ก็ สำเร็จ ขึ้น มา หลัง ประสบ ความ สำเร็จ ใน แวด วง ภาพยนตร์ เขา ก็ หัน มา จาก ธุรกิจ โทรทัศน์ โดย การ เปิด บริษัท นพพร โปรโมชั่น เพื่อ ซื้อ เวลา ราย การ โทรทัศน์ แล้ว นำ มา ให้ เช่า เวลา เปิด เพลง ของ ค่าย เพลง ต่าง ๆและ เรื่อง นี้ ก็ เป็น สาเหตุ ให้ เขา ต้อง เปิด ค่าย เพลง นพพร ศิลป์ ซึ่ง เป็น ค่าย เพลง ของ ตัว เอง มี นัก ร้อง อยู่ ใน สังกัด กว่า 20 คน เช่น อัศวิน สี ทอง สาลี่ ขนิษฐา แมง ปอ ชลธิชา อ่อน อรดี บุษบา อธิษฐาน เป็น ต้น ตอน หลัง ผม

อยาก ทำ ค่าย เพลง ก็ เลย เปิด ค่าย เพลง ขึ้น มา ช่วง แรก ๆ ดี มาก เพราะ ไม่ มี เทป ผี CT เถื่อน มี นัก ร้อง ดัง อยู่ ใน ค่าย หลาย คน อย่าง แมง ปอ ชลธิชา Job & Joy ระหว่าง นั้น ผม ก็ ได้ รับ โอกาส จาก ทาง ช่อง 7 สี ให้ ทำ ราย การเพลง ลูก ทุ่ง ชุม ทาง เสียง ทอง ตอน ที่ เริ่ม ทำ ไม่ มี ใคร สน ใจ เลย ผม ก็ ทำ ไป เรื่อย ๆ จน ดัง อีก เหตุ ผล หนึ่ง คือ ผม สร้าง นัก ร้อง ใน ค่าย ขึ้น มา ก็ เป็น เวที ให้ นัก ร้อง ได้ ไป ออก ราย การ โทรทัศน์ เป็น การ โฆษณา อีก ทาง หนึ่ง ซึ่ง ราย การ นี้ ผม ทำ มา เกือบ 30 ปี แล้ว ปัจจุบัน

เรื่อง ของ ธุรกิจ เพลง มัน ไม่ สามารถ คลาย เทป ขาย ซีดี ได้ เหมือน สมัย ก่อน ต้อง ขาย โชว์ อย่าง เดียว และ ต้อง หา ช่อง ทีวี ส่ง ลง ช่อง YouTube หรือ สื่อ ออนไลน์ อะไร ก็ ว่า กันไป ซึ่ง การ มี เทคโนโลยี เข้า มา ใน วง การ เพลง ผม คิด ว่า มัน ก็ มี ข้อ ดี เพราะ มัน เป็น การ พัฒนา ให้ วง การ เพลง ก้าว ไป ได้ ไกล ให้ มี สิ่ง ใหม่ ๆ เข้า มา แต่ เรา ต้อง ตาม ให้ ทัน วง การ ลูก ทุ่ง เขา ก็ พยายาม ปรับ ตัว กัน อยู่ ดู ลูก ทุ่ง อีสาน เป็น ตัว อย่าง เขา ปรับ ตัว เข้า ได้ หมด แต่ ต้อง ขาย วัย รุ่น เป็น ประเด็น ใหญ่ เรา จะ ไป ทำ เพียง

แบบ เดิม ไม่ ได้ แล้ว แต่ ผม ก็ กังวล ว่า บาง ที ลูก ทุ่ง อาจ เหลือ แต่ ชื่อ เพราะ ทุก อย่าง ต้อง เปลี่ยน ไป ตาม ยุค ตาม สมัย อย่าง เพลง ลูก กรุง ตอน นี้ แทบ ไม่ มี แล้ว เพราะ คน ฟัง รุ่น เก่า ๆ ค่อย ๆ ทยอย หาย ไป หมด มี แต่ เพลง สมัย ใหม่ ตอน นี้ เพลง มัน เริ่ม กลม กลืน ไป หมดผม ว่า เพลง ลูก ทุ่ง ต่อ ไป จะ ไม่ มี เพราะ คน รุ่น ใหม่ เกิด มา ไม่ รู้ จัก เขา จะ รู้ แต่ ว่า นี่ คือ เพลง เท่า นั้น ชีวิต ของ ผม ที่ ผ่าน มา เป็น หลาย อย่าง ตั้ง แต่ นัก ร้อง นัก แสดง เขียน บท ผู้ กำกับ ผู้ สร้าง ภาพยนตร์ และ นัก ธุรกิจ ผม ทำ ทุก อย่าง

สารพัด เรื่อง แบบ นี้ ไม่ ใช่ สร้าง ปี เดียว เสร็จ ต้อง ใช้ เวลา 20 – 30 ปี ทำ ที ละ อย่าง ที ละ ขั้น เขา เรียก ว่า แยก ส่วน ให้ ถูก ต้อง แล้ว ประเมิน ผล สมัย ก่อน ผม ทำ เอง คิด เอง ทั้ง หมดทำ ให้ เวลา พัก ผ่อน เหลือ เพียง วัน ละ 3-4 ชั่วโมง เพราะ ว่า ห่วง งาน แต่ ตอน นี้ ทำ ให้ ไหว แล้ว เพราะ อายุ มาก บริษัท ของ ผม ปัจจุบัน ก็ เหลือ เพียง งาน ละคร ที่ ทำ ให้ ช่อง 7 แต่ ให้ ลูก ชาย ดู แล แทน หมด แล้ว ผม อยาก ฝาก ถึง คน ใน วง การ เพลง และ วง การ บันเทิง และ ผู้ ร่วม งาน ทั้ง หลาย อยาก ให้ รักษา คุณภาพ ของ งาน

ทุก อย่าง ที่ ทำ ให้ มี ใจ รักมี ความ มุ่ง มั่น คิด ดี ทำ ดี ซื่อ สัตย์ ใน อาชีพ แล้ว ทุก อย่าง จะ ออก มา ดี เอง นี่ คือ คำ สัมภาษณ์ ของ พนม นพพร ใน ส่วน ของ งาน เพื่อ สาธารณะ พนม นพพร ยัง เคย เป็น นายก สมาคม นัก เพลง ลูก ทุ่ง แห่ง ประเทศ ไทย อยู่ หลาย ปี ใน ปี 2551 ได้ รับ ปริญญา ศิลปศาสตร์ บัณฑิต กิตติม ศักดิ์สาขา วิชา ดนตรี จาก มหาวิทยาลัย ราชภัฏ นครสวรรค์ และ นี่ ก็ คือ เส้น ทาง ชีวิต ส่วน หนึ่ง ของ ลูก ผู้ ชายนัก ร้อง ลูก ทุ่ง ขนาด แพะ พนม นพพร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *