จากกรณีรถกระบะ พุ่งชน จยย. อย่างแรง เป็นเหตุให้ 3 พ่อแม่ลูกเสียชีวิต ซึ่งลูกสาววัยเพียงแค่ 4 ขวบ เหตุเกิดที่แยกไฟแดงพนมสารคาม วันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น
ผู้เห็นเหตุการณ์ ได้เล่าว่า ตนกำลังจะไปส่งลูกไปโรงเรียน จอดติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยก ขณะนั้นรถกระบะได้ขับมาอย่างเร็ว ไม่มีเบรก และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ จยย. 3 พ่อแม่ลูก ขี่ข้ามเลน ซึ่งเป็นสัญญาณไฟเขียว จึงถูกรถกระบะพุ่งเข้าชนอย่างจัง ตนเห็นเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา และตนยืนยันว่า สัญญาณไฟทางด้านรถกระบะเป็นไฟแดงจริงๆ ภาพที่ตนเห็นยังคงติดตา รู้สึกสะเทือนใจมาก
ในช่วงบ่ายวันนี้ (15 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่วัดที่จัดงานบำเพ็ญกุศล โดยร่างของแม่และลูกสาวจัดงานที่วัดเดียวกันใน ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม ส่วนร่างพ่อจัดที่วัดใน ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติๆ ของทั้งสองฝ่ายยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ป้าของหญิงผู้เสียชีวิต เผยว่าหลานสาวกำลังจะขึ้นรถไปทำงาน โดยสามีของหลานจะขี่ จยย. ไปส่งทุกเช้า และเขาก็จะเลยไปส่งลูกไปโรงเรียน พอขี่มาถึงสี่แยกไฟแดงที่เกิดเหตุ ก็เป็นไฟเขียวพอดี ซึ่ง จยย. ของหลานก็ไม่ได้เป็นคันแรก มีรถผ่านไปก่อนหน้าแล้วถึง 2 คัน จยย. ของหลานเป็นคันที่ 3
พอกำลังจะขี่ข้ามเลน รถกระบะได้ฝ่าสัญญาณไฟแดงมาชนเข้ากับ จยย. ของหลานตนอย่างจัง ทำให้เสียชีวิตทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก ตนทราบข่าวจากเพื่อนของหลานที่โทรมาบอก จึงได้ออกไปดู
ที่แยกกันสวดนั้นเพราะทางพ่อกับแม่ของหลานเขยเขาก็อยากให้ศพของลูกชายไปสวดที่วัดใกล้บ้าน เพราะเขาก็ยังทำใจไม่ได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องพิธีการ จะตั้งสวดพระอภิธรรม ด.ญ. 4 ขวบ เป็นเวลา 2 คืน ฌาปนกิจก่อนในวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. ส่วนแม่ของเด็กนั้นจะสวด 3 คืน ฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 18 ส.ค. เพราะเมรุที่วัดเป็นเตาฝืน จะเผาได้ทีละศพ ไม่สามารถเผาพร้อมกันได้
ด้านคดีความนั้นก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ และเท่าที่ตนทราบ ทางผู้ขับขี่รถกระบะคันจะเข้ามากราบขอขมาศพ 2 แม่ลูกในวันนี้
ด้านพ่อของชายผู้เสียชีวิต เผยว่า ตนมีลูก 2 คน ผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายคนโต ขอนำศพลูกมาทำพิธีที่วัดบ้านเกิด และตนก็ยังทำใจไม่ได้ ก่อนหน้าไม่ทราบสาเหตุเลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนทำงานอยู่ จ.สมุทรปราการ พี่สาวโทรศัพท์มาบอก ตนจึงรีบขับรถมาดู และทราบว่าเสียชีวิตทั้งครอบครัว
ตนก็ได้แต่ถามกับตัวเองว่า ทำไมต้องมาเกิดขึ้นกับลูกของตน ทุกวันนี้ตนไม่กล้าที่จะดูคลิปที่คนอื่นๆ ลงกัน เพราะตนทำใจไม่ได้ ความดีที่ลูกของตนทำไว้ก็มี คนรอบข้างรวมถึงพี่น้องต่างก็แค้นเคืองคนขับรถกระบะมาก แต่ตนคิดว่าการทะเลาะตบตีกันไม่ได้ประโยชน์อะไร และไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เพราะมันเกิดขึ้นไปแล้ว ถึงตนจะเสียใจมากก็ตาม ตนได้ให้ทางผู้ใหญ่บ้านเป็นคนช่วยดูเรื่องคดีความให้ เบื้องต้นคนขับกระบะได้เยียวยาให้คนละ 30,000 บาท
น้องชายของผู้เสียชีวิตยังได้มาเล่าให้ตนฟังว่า ตอนไปดูพี่ชายที่ รพ. ได้เจอกับคนขับกระบะ จึงได้เข้าไปถามว่า “เห็นไฟแดงไหม?” เขาก็ตอบว่า “เห็น” น้องชายจึงถามต่อว่า “ทำไมไม่เบรก?” คนขับกระบะตอบกลับมาว่า “ก็ไม่เบรก” ซึ่งสร้างความแค้นใจให้กับทางครอบครัวของตนมาก รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไฟแดง แต่กลับไม่เบรกและขับขี่มาด้วยความเร็วมาก จนมาชนลูกตน ทำให้เสียชีวิตทั้งครอบครัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน และตั้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจ จะมีการไกล่เกลี่ยเรียกค่าสินไหมทดแทน โดยมี พ.ต.ท.มานิตย์ บุญแต่ง สารวัตรสอบสวน สภ.พนมสารคาม ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
